ประวัติ
พลเอกสุนทร คงสมพงษ์
ประธานผู้ก่อตั้งมูลนิธิ
๒๔๗๕ – ๒๔๙๑
ส่อแววผู้นำ / ล้ำหน้าการเรียน / หมั่นเพียรค้นคว้า / คบหาผูกมิตร /
ชีวิตสู่กรุง / สอบรุ่งเป็น ๑ / ซึ้งข้าวก้นบาตร / องอาจศักดิ์ศรี
ถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ ณ บ้านเลขที่ ๑๗๑ ถนนประชาธิปไตย หมู่ที่ ๒ ตำบลบางเขน อำเภอบางเขน จังหวัดพระนคร เป็นบุตรคนแรกของนาวาอากาศเอกศุภชัย และนางลมูล คงสมพงษ์ มีน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันอีก ๓ คน เป็นชาย ๒ คน และหญิง ๑ คน
ต่อจากนั้นย้ายเข้ากรุงเทพฯ อีก และได้ศึกษาต่อชั้นนประถมปีที่ ๒ ที่โรงเรียนประชาบาลวัดดอนเมือง(ทหารอากาศอุทิศ) ในวัยเด็ก เด็กชายสุนทร เป็นเด็กฉลาด ชอบเล่นซุกซนมากกว่าไปโรงเรียน บิดาจึงต้องบังคับให้ไปเวลาไปโรงเรียนแต่ละครั้ง ก็มักจะขี่คอพลทหารทุกครั้ง สำหรับผลการศึกษาอยู่ในเกณฑ์ดี โดยสอบได้ลำดับเลขที่ตัวเดียวตลอดมา
ขณะเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๒ สอบได้คะแนนดี จนได้รับการพิจารณาเลื่อนขึ้นไปศึกษาต่อชั้นประถมปีที่ ๓ ในตอนกลางปี เป็นกรณีพิเศษ เมื่อสำเร็จชั้นประถมปีที่ ๔ แล้ว ได้ศึกษาต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนมัธยมดอนเมือง(ทหารอากาศบำรุง) จนถึงชั้นมัธยมปีที่ ๓
พ.ศ. ๒๔๘๔ เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ บิดาได้ย้ายไปรับราชการที่จังหวัดสระบุรี เด็กชายสุนทรจึงต้องย้ายตามไปด้วย และได้ศึกษาต่อในชั้นมัธยมปีที่ ๔-๖ ในโรงเรียนประจำจังหวัดชาย ปักอักษรย่อประจำโรงเรียนที่หน้าอกด้านซ้ายว่า “ส.บ.๑” หมายเลขประจำตัว ๓๐๕๐ ซึ่งปัจจุบันเป็นโรงเรียนสระบุรีพิทยาคม และศิษย์เก่าร่วมโรงเรียนนี้ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันดี คือ พลอากาศเอก เกษตร โรจนนิล ผู้บัญชาการทหารอากาศ/รองประธานสภารักษาความสงบเรียบร้อย
ในระหว่างที่อยู่ที่สระบุรีนั้น มารดาคอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด จึงทําให้ เป็นคนชอบอ่านหนังสือและระหว่างปิดภาคปลาย เด็กชายสุนทร มักจะไปซื้อ หนังสือเรียนของชั้นใหม่มาอ่านและทํา แบบฝึกหัดล่วงหน้าจนเสร็จหมด เด็กชายสุนทร ปฏิบัติเช่นนี้เป็นประจําทุกปี แม้เมื่อเข้าโรงเรียนเสนาธิการทหารบกก็ยังคงปฏิบัติอยู่
ในยามว่างจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ โดยทํางานปอกเปลือกเสาเข็มได้ค่าแรงต้นละ ๑๐ สตางค์ เมื่อรวบรวม เงินได้จํานวนหนึ่ง ก็จะนําไปเลี้ยงเพื่อน
หลังจากสําเร็จการศึกษาระดับมัธยม แล้ว เด็กชายสุนทร ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อศึกษาต่อระดับเตรียมอุดม และได้ศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ชั้นมัธยมปีที่ ๗-๘ แผนกอักษรศาสตร์
ในขณะเดียวกัน ก็เรียนกวดวิชา แผนกวิทยาศาสตร์ ที่โรงเรียนชาญวิทย์พิทยาลัย(สะพานเหลือง) แล้วสมัคร สอบเทียบชั้นมัธยมปีที่ ๘ แผนกวิทยาศาสตร์ สอบได้เป็น ๑ ใน ๕๐ คนแรกของประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑
ขณะศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนั้น นายสุนทร คงสมพงษ์ อาศัยอยู่กับพระที่วัดมหาธาตุ ติดตามพระไปบิณฑบาตรทุกเช้า ได้อาศัยข้าวก้นบาตรพระเป็นอาหารประจําวัน วันใดพระบิณฑบาตรไม่ได้ ก็จะนําข้าวก้นบาตร ซึ่งเก็บตากแห้งไว้ มาต้มถวายพระก่อนแล้วตนเองจึงจะรับประทานภายหลัง
ในขณะที่เรียนอยู่ในโรงเรียน สวนกุหลาบวิทยาลัย นั้น นายสุนทร คงสมพงษ์ ไม่เคยรบกวนเพื่อนๆ คงอดทน ต่อสู้ความลําบากที่ตนต้องประสบต่อการอดมื้อกินมื้อ หรือการอ่านหนังสือด้วย แสงเทียน เพราะที่กุฏิพระไม่มีไฟฟ้า และสภาพอื่นๆ อีกมากมาย แต่นายสุนทร ไม่เคยท้อถอยต่ออุปสรรคใด ๆ ทั้งปวง และยังคงมีผลการเรียนเป็นเลิศ
เพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนสวนกุหลาบ ที่มารับราชการทหารด้วยกัน คือ พลเอกพัฒน์ อัคนิบุตร พลโทอนุวัติ ทับคล้าย และ พลโทชัยชนะ ธารีฉัตร ส่วนที่เป็นพลเรือนและมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย คือ นายสุธี อากาศฤกษ์ และนายทองใบ ทองเปาด์
ในระหว่างที่เป็นนักเรียนมัธยมนายสุนทร สนใจทางด้านกีฬาหลายด้านโดยเฉพาะตะกร้อ
๒๔๙๗ – ๒๕๐๕
เริ่มต้นร้อยตรี / เกาหลีร่วมรบ
วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๔๙๗ ปรับย้ายไปรับตําแหน่งประจํากองบัญชาการศูนย์การทหารราบ ค่ายนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี เพราะเข้าเรียนหลักสูตรชั้นผู้บังคับกองร้อย รุ่นที่ ๑๔ โรงเรียน ทหารราบ ศูนย์การทหารราบ (หลักสูตรเบสิครุ่นที่ ๓)
จนกระทั่งวันที่ 9 มกราคม ๒๔๙๘ ได้เป็น “ร้อยตรี” แบบสมบูรณ์ โดยไม่มีคํา “ว่าที่” นําหน้า และยังคงประจําอยู่ที่กองบัญชาการศูนย์การทหารราบเช่นเดิมจนถึงวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๔๙๘
วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๔๙๘ ย้าย ไปประจําหน่วยทดแทนกองพันทหารราบที่ ๑ (อิสระ) กรมผสมที่ ๒๑ ต่อมา แปรสภาพเป็นประจําหน่วยกําลังทดแทน กองพันทหารราบที่ ๑ กรมผสมที่ ๒๑ เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๔๙๘ พร้อมกับดํารงตําแหน่ง ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยปืนเล็ก กองพันทหารราบอาสาสมัครไปร่วมรบกับสหประชาชาติในสงครามเกาหลี
ด้วยความดีความชอบในการร่วมรบครั้งนี้ ร้อยตรีสุนทร คงสมพงษ์ ได้รับ “เหรียญชัยสมรภูมิ” (กรณีราชการสงครามเกาหลี) ไว้เป็นเครื่องเชิดชูเกียรติยศในการออกศึกสงคราม ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๙๘ และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคมในปีเดียวกัน ปฏิบัติราชการสงครามเกาหลีอยู่จนกระทั่งวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๔๙๙ จึงเดินทางกลับประเทศไทย
๒๕๑๒ – ๒๕๑๓
สู้ศึกเวียดนาม / ความดีความชอบ / สนองตอบชาติไทย
วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๑๒ เป็น หัวหน้าฝ่ายยุทธการ กองพลทหารอาสาสมัคร ในราชการสงครามเวียดนาม โดยมีพันโททําเนียบ ทับมณี ช่วยราชการ และมีพันตรีอิสสระพงษ์ หนุนภักดี พันตรี ศิริ ทิวะพันธ์ พันตรี จําแลง อุชุโกมล และพันตรี ขจร รามัญวงศ์ เป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่าย
ปฏิบัติการยุทธอยู่ในเวียดนามจนถึงวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๑๓ จึงเดินทาง กลับมาตุภูมิ
ความดีความชอบ
๑. เหรียญกล้าหาญ “เชิดชูเกียรติ” ของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา “U.S.ARMY, THE ARMY COMMENDATION MEDAL ประดับ “V” เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๑๓ ด้วยความดีความชอบที่แสดงความกล้าหาญ ให้ประจักษ์ในการปฏิบัติการรบต่อกําลัง ฝ่ายศัตรู ตามประกาศที่ถอดความได้ว่า
จากการไปปฏิบัติราชการสงคราม ในเวียดนามครั้งนี้ ด้วยความกล้าหาญ เสียสละเป็นที่ประจักษ์และประทับใจต่อ มิตรประเทศ พันโท สุนทร คงสมพงษ์ จึงได้รับเหรียญเครื่องหมายแสดงถึงความ กล้าหาญจากต่างประเทศหลายเหรียญ
๒. เหรียญกล้าหาญ “เชิดชูเกียรติ” ของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา “U.S.ARMY, THE ARMY COMMENDATION MEDAL ประดับ “FIRST OAK LEAF CLUSTER” เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๑๓ ด้วย ความดีความชอบที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น สมควรได้รับการยกย่องตามความ ในคําสดุดี
๓. เหรียญกล้าหาญ “บรอนซ์สตาร์” ของประเทศสหรัฐอเมริกา “U.S., THE BRONZE STAR MEDAL” “ประดับ “V” เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๓ ด้วยความดี ความชอบในการสู้รบอย่างกล้าหาญ
๔. เหรียญกล้าหาญสาธารณรัฐเวียดนาม “GALLANTRY CROSS” ประดับ “ใบปาล์ม” เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๑๓
เกียรติยศที่ได้มาของทหารกล้าไทย ในสมรภูมิเวียดนาม ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ แก่นานาประเทศในความเก่งกล้าสามารถ ในเชิงยุทธอันนํามาซึ่งความภาคภูมิใจ ของคนไทยทั้งชาติ และหนึ่งในทหารกล้า เหล่านี้ มีบุรุษหนึ่งที่มีนามว่า พันโทสุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าฝ่ายยุทธการรวมอยู่ด้วย
๒๕๑๖ – ๒๕๒๐
จบศิษย์การบิน
ด้วยแรงบันดาลใจ เมื่อครั้งที่ปฏิบัติ การรบอยู่ในเวียดนาม ได้ใช้เครื่องบินปีกหมุนควบคุมการกวาดล้างเวียดกงอยู่เป็นประจํา จนมีความคุ้นเคย สามารถบังคับอากาศยานได้ในกรณีฉุกเฉินหลายครั้ง อีกทั้งความประทับใจต่อเหตุการณ์
ณ บ้านห้วยเสือกัดช้าง ที่แทบจะเอา ชีวิตเป็นชาติพลี เมื่อปี ๒๕๑๕ ประกอบกับสายเลือดของบิดานาวาอากาศเอกศุภชัย คงสมพงษ์ ที่เป็นนักบินแห่งกองทัพอากาศ จึงทําให้พันเอกสุนทร คงสมพงษ์ ตัดสินใจย้ายตําแหน่งไปประจำกรมการบินทหารบก เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๑๖ เพื่อเข้ารับการฝึกศึกษาในหลักสูตร ศิษย์การบินทหารบก รุ่นที่ ๑๓ และสำเร็จทั้งชั้นปฐมและมัธยม เป็นนักบินทหารบกดังใจหวัง
วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๑๗ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รองผู้บัญชาการกรมการบินทหารบก อัตรา พันเอก ครองตำแหน่งนี้จนถึงวันทีี่ ๑๙ ธันวาคมปีเดียวกัน
วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๑๗เป็น “พันเอก (พิเศษ)” ในตําแหน่งเสนาธิการศูนย์สงครามพิเศษ ดํารง ตําแหน่งนี้ จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๒๐ ซึ่งในระหว่างนี้ได้เดินทางไปประชุมพิเศษ และศึกษาดูงานหลายแห่งที่สหรัฐอเมริกาเช่น ดูงานการพัฒนาเครื่องบินและลิคอปเตอร์ ของบริษัทฮิวจ์ แอร์คราฟท์รัฐแคลิฟอร์เนีย ประชุมกองรบพิเศษ ที่ฟอร์ตแบรก รัฐแคโลไรน่า ดูงานการฝึก การรบพิเศษและโดดร่ม ที่ฟอร์ตเบนนิ่งรัฐจอร์เจีย ดูงานการฝึก และกิจกรรมการบินทหารบก ที่ฟอร์ตรักเกอร์ รัฐอลาบาม่า ดูกิจการและพบปะหารือกับเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการพิเศษ และกองข่าวกระทรวงกลาโหม และทบวงทหารบกสหรัฐอเมริกา ที่เพนตากอน วอชิงตัน ดี.ซี.
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานในช่วงนี้คือ ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย(ท.ม.) เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๘
๒๕๒๐ – ๒๕๒๔
โอรสบดินทร์ทรงฝึก / เผด็จศึกผาเมือง / บังคับเครื่องบินนำ / วีรกรรมกล้าหาญ
วันที่พฤศจิกายน ๒๕๒๐ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๒๔ ดํารงตําแหน่งรองผู้บัญชาการศูนย์การบินทหารบก ซึ่งในระหว่างนี้ ท่านได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.) เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๑ ในขณะที่ดํารงตําแหน่งนี้ ท่านได้ ปฏิบัติหน้าที่ที่สําคัญ สมควรบันทึกไว้ เพื่อความทรงจํา คือ
ในระหว่าง วันที่ ๒๒ กันยายน ถึง วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๒๓ ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ถวายการฝึก การใช้อาวุธทางอากาศ แด่พันตรีสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร(พระยศในขณะนั้น) โดยใกล้ชิด ในหลักสูตรการฝึกพิเศษ การใช้อาวุธทางเครื่องบินปีกหมุนโจมตีที่ศูนย์ การบินทหารบก จังหวัดลพบุรี
ในระหว่างการถวายการฝึกนั้น พันเอกสุนทร คงสมพงษ์ ได้อำนวยการกำกับการและร่วมถวายการฝึกโดยใกล้ชิดจนจบหลักสูตร
และจากวันที่ ๒๐ มกราคม ถึง ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๒๔ ยุทธการผาเมืองเผด็จศึก ได้ถูกนํามาใช้ เพื่อปฏิบัติการ ขั้นเด็ดขาด ในการกวาดล้างผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในเขตเขาค้อ เขาย่า บ้านแม่นา จังหวัดเพชรบูรณ์ พันเอกสุนทร คงสมพงษ์ รองผู้บัญชาการศูนย์การบินทหารบก ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับหน่วยบินทหารบกทางยุทธวิธี ที่ ๓ รับภารกิจนํากําลังพลและอากาศยานเข้าสนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยภาคพื้นอย่างใกล้ชิด
การปฏิบัติต่างๆ ได้มีการวางแผน เตรียมการและประสานงานกันเป็นอย่างดีทุกครั้ง พันเอกสุนทร คงสมพงษ์ จะบินควบคุม อํานวยการประสานการปฏิบัติให้กับอากาศยานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปฏิบัติของอากาศยานกองทัพบกด้วยความรักและห่วงใยต่อผู้ใต้บังคับบัญชา หากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นก็ตาม ท่านจะอยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้นทุกครั้ง
จากความห่วงใยและไม่ยอมทิ้งผู้ใต้บังคับบัญชา พันเอกสุนทร คงสมพงษ์ ได้แสดงวีรกรรมอันกล้าหาญในการช่วยเหลือจ่าสิบเอกพรศักดิ์ แก้วประสิทธิ์ พลประจำปืนกลที่สูญหายระหว่างการปฏิบัติภารกิจ ด้วยการยืนยันให้ตรวจสอบจนแน่ใจว่าเขายังคงอยู่ในพื้นที่กองพันทหารราบที่ 3447 จึงกำหนดแผนเข้าช่วยเหลือในเวลา 15.00 นาฬิกา วันรุ่งขึ้น โดยกล่าวกับฝ่ายเสนาธิการและนักบินอย่างหนักแน่นว่า “เราจะต้องนำคนของเรากลับมาให้ได้ แม้ว่าจะเสี่ยงเพียงใดก็ตาม” อย่างไรก็ตาม แผนการต้องเร่งดำเนินการก่อนเวลาอันควร เนื่องจากได้รับรายงานว่าร้อยโทพรธเนศร์ สุนทรเกศ ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล พันเอกสุนทรจึงจัดแผนยุทธวิธีอย่างรัดกุม โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ขนส่ง 2 ลำสนับสนุนการรับตัว พร้อมเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธคุ้มกันและโจมตีข้าศึก การปฏิบัติดำเนินไปตามแผนแม้จะต้องเผชิญกับการระดมยิงอย่างหนักจากฝ่ายผู้ก่อการร้าย แต่ก็สามารถช่วยเหลือทั้งผู้บาดเจ็บและผู้สูญหายกลับมาได้อย่างปลอดภัย แสดงถึงภาวะผู้นำ ความกล้าหาญ และเสียสละของพันเอกสุนทรอย่างเด่นชัด



















